1 ) กระดาษแป้งหลังเทา  จะนิยมสุดครับ เพราะต้นทุนต่ำสุด เป็นสินค้า massจะเห็นได้จากสินค้าในท้องตลาดหลายแบรนด์ ใช้เป็นกระดาษแบบนี้ กระดาษจะมีด้านนึงเคลือบแป้งให้ดูขาวมันๆ เลยเรียกว่า กระดาษกล่องแป้ง ครับ อีกด้านเป็นสีเทาๆ (ตรงตามชื่อเลย )โดยแกรมที่นิยมส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 310-500 แกรม ตามขนาดของกล่อง และน้ำหนักของสินค้าที่บรรจุ อีกทีนึงครับ

2 ) กระดาษแป้งหลังขาว เป็นกระดาษสเปคเดียวกับกระดาษแป้งหลังเทา แต่ย้อมด้านในเป็นสีขาว ทำให้เวลาทำเป็นกล่องจะดูดีกว่ากระดาษแป้งหลังเทา แต่เนื่องจากเนื้อกระดาษ เดียวกับกระดาษแป้งหลังเทา ยังมีพื้นฐานเลยจะติดเรื่องของความสวยของสีที่พิมพ์ลงไป และเรื่องของความเป็น foodgrade

3) กระดาษอาร์ตการ์ด เป็นกระดาษที่แก้ปัญหาในเรื่องของกระดาษ 2 แบบแรกได้ คือ พิมพ์ได้สดสวย และเป็น foodgrade นิยมกับสินค้าประเภท กล่องเครื่องสำอาง กล่องสบู่ และกล่องขนม ที่ต้องสัมผัสอาหารโดยตรง

ราคาจะแพงกว่ากระดาษแป้งหลังเทา แต่หลังๆมีการนำเข้าจากประเทศจีนมากขึ้น มีหลายยี่ห้อ ราคาเลยถูกขึ้นครับ แกรมที่นิยมส่วนใหญ่จะ อยู่ในช่วง 270 – 400 แกรม ตามขนาดกล่องและน้ำหนักสินค้าเช่นกัน

4) กระดาษคราฟน้ำตาล หรือที่นิยมเรียกกันว่า กระดาษรีไซน์เคิล เป็นกระดาษเนื้อสีนำ้ตาล จะมีแบ่งชนิดและสีเป็น KA, KI ,KP และอื่นๆ แต่ที่นิยมทำกล่องจะเป็น คราฟนำ้ตาลKP ครับ กระดาษเป็น foodgrade เหมือนกัน ในแกรมเดียวกัน

เมื่อเทียบกับกระดาษชนิดอื่นๆ จะดูหนากว่า เพราะเนื้อกระดาษฟู ส่วนใหญ่ใช้ในงานที่เป็น กล่องพิมพ์สีเดียว ดูมีสไตล์ทั้งงานพิมพ์และเนื้อกระดาษ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมกันมากขึ้นเรือยๆ ทำให้ดูคลาสสิก เท่ห์ ไปอีกแบบครับ